เปลี่ยนจาก “ทำเองหมด” เป็น “ทำแต่งานสำคัญ” 8 เทคนิคการมอบหมายงานที่ผู้จัดการทุกคนต้องรู้

100 ล้าน วัยรุ่นสร้างตัว News ข่าวล่าสุด

“ทำเองมันเร็วกว่า” “เดี๋ยวงานเสร็จไม่ทันเวลา” “กลัวคนอื่นทำไม่ได้อย่างที่ต้องการ” เสียงเหล่านี้คุ้นหูผู้จัดการและหัวหน้างานหลายคนในโลกการทำงานยุคปัจจุบัน แต่หากคุณพบว่าตัวเองคิดแบบนี้บ่อยครั้ง นั่นอาจเป็นสัญญาณเตือนว่าคุณกำลังจมอยู่กับการทำงานเองทุกอย่าง ไม่รู้จักการมอบหมายงานอย่างมีประสิทธิภาพ

ในยุคที่องค์กรต้องเผชิญกับการแข่งขันที่รุนแรงและการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว การที่ผู้จัดการยึดติดกับการทำงานเองทุกอย่างไม่เพียงแต่จะทำให้เกิดความเหนื่อยล้า แต่ยังขัดขวางการเติบโตของทั้งตัวเองและทีมงาน ผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดการและการพัฒนาองค์กรชี้ให้เห็นว่า การมอบหมายงานที่ถูกต้องเป็นหนึ่งในทักษะสำคัญที่สุดของผู้นำในศตวรรษที่ 21

ปัญหาของผู้จัดการที่ “ทำเองหมด”

หลายองค์กรพบว่าผู้จัดการของตนเป็นคอขวดของการทำงาน ทำงานหนักเกินไป แต่ยังไม่สามารถปล่อยวางและมอบหมายงานให้คนอื่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ ความกลัวความล้มเหลว ความต้องการความสมบูรณ์แบบ และปัญหาการควบคุม ทำให้หลายคนติดอยู่ในวงจรของการทำทุกอย่างด้วยตัวเอง

การสำรวจล่าสุดของบริษัทที่ปรึกษาด้านการจัดการชั้นนำพบว่า ผู้จัดการระดับกลางในประเทศไทยมากกว่า 70% ยอมรับว่าตนเองทำงานล่วงเวลาเป็นประจำเพราะไม่กล้ามอบหมายงานสำคัญให้ผู้ใต้บังคับบัญชา ขณะเดียวกัน พนักงานกว่า 60% รู้สึกว่าไม่ได้รับโอกาสในการเรียนรู้และพัฒนาทักษะใหม่ๆ

มุมมองใหม่จากผู้เชี่ยวชาญระดับโลก

Dave Kerpen ผู้เขียนหนังสือ “Get Over Yourself: How to Lead and Delegate Effectively for More Time, More Freedom, and More Success” ที่ได้รับความนิยมในวงการบริหารธุรกิจ เชื่อว่าการมอบหมายงานไม่ใช่แค่การโยนงานให้คนอื่น แต่เป็นศิลปะแห่งการรักษาความเคลื่อนไหวของงาน การพัฒนาทีม และการมุ่งเน้นไปที่สิ่งสำคัญที่สุด

“การมอบหมายงานที่แท้จริงคือการสร้างระบบที่ทำให้ทุกคนในทีมสามารถทำงานได้อย่างเต็มศักยภาพ” Kerpen กล่าวในการสัมภาษณ์เมื่อเร็วๆ นี้ “มันไม่ใช่การแบ่งงาน แต่เป็นการสร้างผู้นำคนใหม่”

Emily Morgan ผู้ก่อตั้ง Delegate Solutions และผู้เขียนหนังสือ “Let It Go!: How to (Finally) Master Delegation & Scale Freedom Across Your Organization” มีมุมมองที่น่าสนใจเกี่ยวกับการมอบหมายงาน เธอแนะนำให้มองการมอบหมายงานเป็น “ระบบจัดการพลังงานส่วนบุคคล”

“พลังงานของคุณคือทรัพยากรที่สำคัญที่สุดในการทำงาน” Morgan อธิบาย “เมื่อคุณมอบหมายงาน คุณกำลังเปลี่ยนทิศทางพลังงานไปสู่การมีส่วนร่วมที่สร้างผลกระทบมากที่สุด มันเป็นการลงทุนในอนาคตของทั้งคุณและทีม”

การเปลี่ยนผ่านจากความกลัวสู่ความเชื่อมั่น

เมื่อผู้จัดการเริ่มมองว่าการมอบหมายงานคือการลงทุนในอนาคตของตนเองและทีม ไม่ใช่การสูญเสียการควบคุม พวกเขาจะเริ่มเห็นผลลัพธ์ที่น่าทึ่ง ไม่เพียงแต่ในด้านประสิทธิภาพการทำงาน แต่ยังรวมถึงการพัฒนาบุคลากรและความสามารถในการแข่งขันขององค์กร

นักวิจัยด้านพฤติกรรมองค์กรจากมหาวิทยาลัยชั้นนำระบุว่า ทีมที่ได้รับการมอบหมายงานอย่างมีประสิทธิภาพมีระดับความผูกพันต่อองค์กรสูงกว่า 40% และมีอัตราการลาออกต่ำกว่าองค์กรทั่วไปถึง 25%

8 เทคนิคการมอบหมายงานที่ผู้จัดการต้องเรียนรู้

จากการศึกษาและประสบการณ์ของผู้เชี่ยวชาญระดับโลก นี่คือ 8 ขั้นตอนสำคัญในการมอบหมายงานอย่างมีประสิทธิภาพที่ผู้จัดการทุกคนควรนำไปใช้

1. รู้จักและเข้าใจนิสัยที่ทำร้ายตัวเอง

ก่อนที่จะเรียนรู้การปล่อยวาง สิ่งสำคัญคือต้องเข้าใจว่าอะไรกำลังขวางทางการมอบหมายงานของคุณ Morgan แนะนำให้เริ่มต้นด้วยการระบุรูปแบบพฤติกรรมที่ทำให้คุณกลายเป็นคอขวดของทีม

“ผู้จัดการแต่ละคนมีลักษณะเฉพาะที่แตกต่างกัน” Morgan อธิบาย “บางคนเป็นพวกแยกตัว ที่พยายามทำทุกอย่างคนเดียว บางคนเป็นฮีโร่ ที่ชอบเข้าไปช่วยแก้ปัญหาเสมอ บางคนเป็นคนช่างฝัน ที่โยนไอเดียไปเรื่อยๆ ในขณะที่ทีมพยายามตามให้ทัน และบางคนเป็นผู้แทรกแซง ซึ่งเป็นคำที่ไพเราะกว่าสำหรับคนที่ชอบจู้จี้และต้องการมีส่วนร่วมในทุกขั้นตอน”

การรู้ตัวและยอมรับรูปแบบพฤติกรรมของตนเองเป็นขั้นตอนแรกที่สำคัญ เมื่อคุณรู้ตัวแล้ว ให้ถามตัวเองว่า อะไรคือสาเหตุที่แท้จริงของพฤติกรรมเหล่านี้ ไม่เพียงแต่สำหรับคุณ แต่สำหรับทีมและงานด้วย

“หยุดความคิดที่ว่า ‘ฉันไม่เก่งในการมอบหมายงาน’ หรือ ‘ฉันเคยลองมาแล้วและมันไม่ได้ผล'” Morgan เตือน “เพราะความคิดเหล่านี้สร้างลูปการทำงานที่ไม่รู้จบ และขัดขวางการเรียนรู้”

2. กำหนดงานที่สามารถมอบหมายได้ (ซึ่งมีเยอะกว่าที่คิด)

หนึ่งในความเข้าใจผิดที่พบบ่อยที่สุดคือการคิดว่ามีงานเพียงไม่กี่อย่างที่สามารถมอบหมายให้คนอื่นได้ ความจริงแล้ว ตามที่ Kerpen กล่าว มีเพียงสามสิ่งเท่านั้นที่ผู้จัดการไม่สามารถมอบหมายได้

สิ่งแรกคือ กลยุทธ์และวิสัยทัศน์ ซึ่งเขาเรียกว่า “งานหัวหน้า” เพราะนั่นคือเหตุผลที่คุณเป็นผู้นำ สิ่งที่สองคือ การตัดสินใจจ้างงานและการพัฒนาบุคลากร และสิ่งที่สามคือ การให้มั่นใจว่ามีทรัพยากรและงบประมาณเพียงพอที่จะทำงานให้สำเร็จ

“ทุกอย่างนอกเหนือจากสามสิ่งนี้ สามารถกระจายงานออกไปได้เลย” Kerpen ย้ำ “และนั่นหมายความว่ามีงานมากมายที่คุณกำลังยึดไว้โดยไม่จำเป็น”

ข้อท้าทายที่ใหญ่ที่สุดสำหรับผู้จัดการหลายคนคือการยอมมอบหมายงานที่ตนเองทำได้ดีและสนุกกับมัน แม้ว่าจะง่ายกว่าที่จะมอบหมายงานที่คุณไม่ชอบ แต่มันยากกว่าที่จะปล่อยงานที่คุณเชี่ยวชาญ

“งานเหล่านี้เป็นสิ่งที่ยากที่สุดที่จะปล่อยวางเพราะมันใช้เวลาของคุณมากและทำให้คุณรู้สึกสำคัญและเป็นที่ต้องการ” Morgan กล่าว “แต่การกักตุนงานเหล่านี้ทำให้สมาชิกในทีมของคุณขาดโอกาสในการเรียนรู้ คิดว่าการมอบหมายงานเป็นวิธีให้พวกเขาพัฒนาทักษะ”

3. เริ่มต้นเล็กๆ สร้างชัยชนะเล็กๆ ก่อน

การมอบหมายงานไม่ควรเริ่มต้นด้วยโครงการใหญ่หรืองานที่มีความซับซ้อนสูง Morgan แนะนำให้เริ่มต้นด้วยงานที่ทำได้ง่าย งานที่ต้องใช้ความพยายามน้อย และสามารถทำให้เสร็จได้อย่างรวดเร็ว

“การมีชัยชนะเล็กๆ ภายใต้กรอบของคุณ จะสร้างแรงผลักดันเชิงบวกทั้งสำหรับคุณและทีม” Morgan อธิบาย “มันสร้างความเชื่อมั่นและพิสูจน์ให้เห็นว่าการมอบหมายงานสามารถทำได้จริง”

ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้มุ่งเน้นไปที่งานประจำที่มีขั้นตอนชัดเจนที่คนอื่นสามารถทำซ้ำได้ เช่น การจัดทำรายงานประจำสัปดาห์ การอัปเดตข้อมูลในระบบ หรือการติดตามผลการดำเนินงานประจำ

“เมื่อคุณเห็นว่างานเหล่านี้สามารถทำได้ดีโดยคนอื่น คุณจะเริ่มมีความเชื่อมั่นในการมอบหมายงานที่ซับซ้อนมากขึ้น” Morgan กล่าว “จับพวกมันเข้าสู่กระบวนการและให้อำนาจทีมของคุณ”

4. หาคนที่เหมาะกับงาน คิดอย่างกว้างๆ

การเลือกคนที่จะมอบหมายงานเป็นขั้นตอนที่สำคัญมาก Morgan แนะนำให้คิดอย่างกว้าง เพื่อหาคนที่เหมาะสมที่สุดสำหรับงานนั้นๆ โดยเริ่มต้นด้วยการถามคำถามสำคัญหลายข้อ

“ใครคือผู้นำที่กำลังเติบโตในทีมของคุณ? ใครมีความสนใจ เวลา และความสามารถสำหรับงานนี้? ใครต้องการเรียนรู้สิ่งใหม่? และที่สำคัญที่สุด คุณไว้วางใจใคร?” Morgan ระบุ

การเริ่มต้นด้วยสมาชิกในทีมที่เชื่อถือได้ซึ่งมักจะทำงานทันกำหนดเวลาและกระตือรือร้นที่จะเรียนรู้เป็นกลยุทธ์ที่ดี แต่ Kerpen ยังเสนอแนะให้คิดนอกกรอบมากกว่านั้น

“คุณไม่จำเป็นต้องจำกัดตัวเองอยู่แค่ภายในทีมหรือองค์กรของคุณ” Kerpen กล่าว “ลองมองไปที่เอเจนซี่ พนักงานพาร์ทไทม์ ฟรีแลนซ์ หรือแม้แต่เทคโนโลยี AI ที่สามารถช่วยงานบางอย่างได้ คิดอย่างสร้างสรรค์และอย่าให้อุปสรรคที่คุณรับรู้มาขัดขวางคุณ”

ในยุคดิจิทัลปัจจุบัน การใช้เทคโนโลยีและบริการภายนอกเพื่อช่วยในการทำงานกลายเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ องค์กรหลายแห่งในประเทศไทยเริ่มใช้ระบบอัตโนมัติและบริการจากภายนอกเพื่อจัดการงานที่ไม่ต้องการความเชี่ยวชาญเฉพาะ

5. มีทิศทาง แต่ให้อิสระ

การสื่อสารที่ชัดเจนเป็นกุญแจสำคัญของการมอบหมายงานที่ประสบความสำเร็จ Morgan แนะนำให้พูดตรงๆ เกี่ยวกับความคาดหวังของคุณและให้ทิศทาง แต่อย่าทำมากเกินไป

“อธิบายงานที่มอบหมาย กำหนดเส้นตาย และให้การคาดการณ์เวลาอย่างคร่าวๆ” Morgan กล่าว “สิ่งต่างๆ อาจเดินหน้าไปผิดทางเมื่อมีคนใช้เวลาทั้งสัปดาห์ไปกับบางสิ่งที่คุณคิดว่าจะใช้เวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง”

การแบ่งปันวิสัยทัศน์ของคุณสำหรับผลงานสุดท้ายและการสื่อสารอย่างชัดเจน ทั้งด้วยวาจาและเป็นลายลักษณ์อักษรเป็นสิ่งจำเป็น แต่ที่สำคัญคือการให้อิสระแก่ทีมในการหาวิธีการทำงานของตนเอง

Kerpen เน้นถึงหลักการสำคัญ “มอบหมายผลลัพธ์ ไม่ใช่งาน” และให้อิสระแก่ทีมของคุณในการค้นหาวิธีที่จะไปถึงเป้าหมาย “มันเป็นความหยิ่งที่จะคิดว่าคุณรู้วิธีที่ดีที่สุดที่จะทำมันให้สำเร็จ” เขากล่าว “ถ้าพวกเขาเข้าใจและยอมรับผลลัพธ์ที่ต้องการ พวกเขาจะหาวิธีที่จะบรรลุมัน”

การให้อิสระในการทำงานไม่เพียงแต่จะทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี แต่ยังช่วยพัฒนาความคิดสร้างสรรค์และความรับผิดชอบของทีมงาน นอกจากนี้ยังทำให้สมาชิกทีมรู้สึกได้รับความไว้วางใจและมีแรงจูงใจในการทำงาน

6. ติดตาม แต่ไม่ต้องจู้จี้

การติดตามผลการทำงานเป็นส่วนสำคัญของการมอบหมายงาน แต่ต้องทำอย่างมีสติและไม่รบกวนการทำงานของทีม จังหวะของการติดตามขึ้นอยู่กับความซับซ้อนของโครงการและลักษณะของงาน

“บางโครงการต้องการการติดต่อรายวัน ในขณะที่โครงการอื่นๆ ต้องการเพียงการทบทวนรายสัปดาห์” Kerpen อธิบาย “สิ่งสำคัญคือการหาจังหวะที่เหมาะสมและไม่ทำให้ทีมรู้สึกอึดอัด”

Kerpen แนะนำให้มุ่งเน้นไปที่คำถามสำคัญสองข้อในการติดตาม คือ “สิ่งต่างๆ เป็นอย่างไรบ้าง? และอะไรคืออุปสรรคของคุณ?” วิธีนี้ทำให้การสนทนามุ่งเน้นที่การแก้ปัญหา แทนที่จะเป็น “การอัปเดตเพื่อการอัปเดต”

การหลีกเลี่ยงการติดต่อที่ไม่จำเป็นเป็นสิ่งสำคัญ “อย่าเป็นเหมือนคนที่เฝ้าดูทุกการเคลื่อนไหวในรูปแบบดิจิทัล” Kerpen เตือน “การส่งข้อความตลอดเวลาและการรบกวนที่ไม่จำเป็นจะทำลายความเชื่อมั่นและประสิทธิภาพของทีม”

สำหรับผู้จัดการที่จำเป็นต้องรู้ความคืบหน้าของงาน Morgan แนะนำให้หาวิธีติดตามโดยไม่รบกวนการทำงานของทีม “แพลตฟอร์มจัดการงานต่างๆ สามารถช่วยให้คุณติดตามผลงานโดยไม่ก้าวก่าย ด้วยวิธีนี้ คุณสามารถผ่อนคลายเพราะคุณรู้ว่าทุกอย่างอยู่ในเส้นทางที่ถูกต้อง”

7. แนะนำ รับฟัง และขอความคิดเห็น

บทบาทของผู้จัดการในการมอบหมายงานไม่ใช่การเป็นผู้ตรวจสอบ แต่เป็นการเป็นทั้งโค้ชและผู้สนับสนุน Kerpen เปรียบเทียบว่า “งานของโค้ชคือการดึงศักยภาพสูงสุดจากคนของพวกเขา คุณไม่ได้อยู่ที่นั่นเพื่อให้แน่ใจว่าทุกอย่างถูกทำอย่างสมบูรณ์แบบหรือทำตามที่คุณต้องการทุกประการ บทบาทของคุณคือการสร้างแรงบันดาลใจและแนะนำ”

การเสนอประสบการณ์และให้บริบทเป็นสิ่งสำคัญ “ช่วยทีมของคุณเห็นว่างานของพวกเขาเข้ากับภาพรวมอย่างไร ทำไมมันถึงสำคัญ?” Morgan กล่าว “เมื่อคนเข้าใจความหมายและผลกระทบของงานที่ตนทำ พวกเขาจะมีแรงจูงใจมากขึ้น”

การสนับสนุนให้ทีมถามคำถามและให้ข้อเสนอแนะกลับมาเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ หากไม่มีการสื่อสารที่เปิดกว้างและต่อเนื่อง “การมอบหมายงานอาจเสียหายได้ง่าย” Morgan เตือน

ผู้จัดการที่ประสบความสำเร็จในการมอบหมายงานมักจะสร้างสภาพแวดล้อมที่ทีมงานรู้สึกปลอดภัยในการแสดงความคิดเห็น ถามคำถาม และแม้แต่การทำผิดพลาด การเรียนรู้จากข้อผิดพลาดและการปรับปรุงอย่างต่อเนื่องเป็นส่วนสำคัญของกระบวนการมอบหมายงาน

8. มุ่งเน้นความก้าวหน้า ไม่ใช่ความสมบูรณ์แบบ

หนึ่งในความท้าทายที่ใหญ่ที่สุดสำหรับผู้จัดการในการมอบหมายงานคือการยอมรับว่าผลงานอาจไม่สมบูรณ์แบบเหมือนที่ตนเองทำ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าการมอบหมายงานล้มเหลว

“การมอบหมายงานที่มีประสิทธิภาพคือการให้อำนาจทีมของคุณ การโค้ชพวกเขาสู่ความสำเร็จ และการให้เครื่องมือที่พวกเขาต้องการเพื่อประสบความสำเร็จในขณะที่สนับสนุนพวกเขาตลอดทาง” Kerpen กล่าว

ผลประโยชน์ที่ได้รับจากการมอบหมายงานที่ดีไม่ได้จำกัดอยู่แค่การทำงาน “คุณจะมีเวลา พลังงาน และพื้นที่มากขึ้นเพื่อมุ่งเน้นไปที่สิ่งที่สำคัญสำหรับคุณ ทั้งในที่ทำงานและในชีวิตส่วนตัว” เขาเสริม

Morgan เน้นถึงมุมมองที่สำคัญ “แม้ว่าจะมีคนทำงานได้ดี 80% เท่าที่คุณจะทำ หรือทำได้เพียงบางส่วน นั่นก็ถือว่าชนะแล้ว ท้ายที่สุด เราไม่ได้มุ่งไปที่ความสมบูรณ์แบบ เรามุ่งไปที่ความก้าวหน้า และการมอบหมายงานคือเครื่องมือที่จะไปถึงที่นั่น”

ความท้าทายและการปรับตัวในบริบทไทย

การนำเทคนิคการมอบหมายงานมาใช้ในบริบทของประเทศไทยมีความท้าทายเฉพาะตัว วัฒนธรรมการทำงานแบบไทยที่เน้นความเคารพผู้ใหญ่และการรักษาหน้า บางครั้งอาจทำให้การมอบหมายงานเป็นเรื่องละเอียดอ่อน

ดร.สมชาย วงศ์สุวรรณ ผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดการทรัพยากรมนุษย์จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อธิบายว่า “ผู้จัดการไทยหลายคนกังวลว่าการมอบหมายงานจะทำให้ดูเหมือนไม่รับผิดชอบ หรือเป็นการผลักภาระให้ผู้ใต้บังคับบัญชา แต่ความจริงแล้ว การมอบหมายงานที่ดีเป็นการแสดงความไว้วางใจและการพัฒนาคน”

การปรับแต่งวิธีการสื่อสารให้เข้ากับวัฒนธรรมท้องถิ่นจึงเป็นสิ่งสำคัญ การอธิบายเหตุผลและประโยชน์ของการมอบหมายงานอย่างชัดเจน รวมถึงการแสดงให้เห็นว่าเป็นโอกาสในการเรียนรู้และเติบโต จะช่วยให้การมอบหมายงานเป็นไปได้อย่างราบรื่น

ผลกระทบต่อองค์กรและความสามารถในการแข่งขัน

องค์กรที่มีผู้จัดการที่เก่งในการมอบหมายงานมักจะมีข้อได้เปรียบในการแข่งขันที่ชัดเจน การศึกษาของสถาบันการจัดการชั้นนำพบว่า บริษัทที่มีระบบการมอบหมายงานที่มีประสิทธิภาพมีการเติบโตของรายได้เฉลี่ย 23% สูงกว่าบริษัทที่ผู้จัดการยึดติดกับการทำงานเองทุกอย่าง

นอกจากนี้ การมอบหมายงานที่ดียังส่งผลต่อการพัฒนาบุคลากรและการสืบทอดตำแหน่งภายในองค์กร พนักงานที่ได้รับการมอบหมายงานอย่างเหมาะสมมีโอกาสเติบโตในอาชีพการงานสูงกว่า และมีความพร้อมในการรับผิดชอบในระดับที่สูงขึ้น

เทคโนโลยีและเครื่องมือสมัยใหม่

ในยุคดิจิทัล เครื่องมือและเทคโนโลยีต่างๆ สามารถช่วยให้การมอบหมายงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น ระบบบริหารโครงการออนไลน์ แอปพลิเคชันติดตามงาน และแพลตฟอร์มการสื่อสารทีม ล้วนเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้ผู้จัดการสามารถมอบหมายงานและติดตามผลได้อย่างมีระบบ

การใช้ประโยชน์จากปัญญาประดิษฐ์และระบบอัตโนมัติในการจัดการงานประจำยังเป็นอีกหนึ่งแนวทางที่องค์กรสมัยใหม่นำมาใช้ สิ่งเหล่านี้ช่วยให้ผู้จัดการสามารถมุ่งเน้นไปที่งานที่ต้องการความคิดสร้างสรรค์และการตัดสินใจระดับสูงมากขึ้น

บทสรุป: การเปลี่ยนแปลงที่จำเป็น

การเปลี่ยนจาก “ทำเองหมด” เป็น “ทำแต่งานสำคัญ” ไม่ใช่เพียงแค่การปรับเปลี่ยนวิธีการทำงาน แต่เป็นการเปลี่ยนแปลงมุมมองและทัศนคติต่อบทบาทของผู้นำในองค์กรสมัยใหม่

ผู้จัดการที่ประสบความสำเร็จในอนาคตจะเป็นผู้ที่สามารถสร้างและพัฒนาทีม ไม่ใช่ผู้ที่ทำงานทุกอย่างด้วยตนเอง การมอบหมายงานอย่างมีประสิทธิภาพจึงเป็นทักษะที่จำเป็นและไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้

ดังที่ Morgan กล่าวไว้ “การมอบหมายงานไม่ใช่ยาวิเศษ ยังมีงานที่ต้องทำ การคำนวณเรื่องนี้ในสมองและปฏิทินของคุณเป็นสิ่งสำคัญ” แต่เมื่อทำอย่างถูกต้อง การมอบหมายงานจะกลายเป็นเครื่องมือที่ทรงพลังในการสร้างองค์กรที่แข็งแกร่ง มีประสิทธิภาพ และพร้อมเผชิญกับความท้าทายในอนาคต

สำหรับผู้จัดการที่กำลังเริ่มต้นการเรียนรู้การมอบหมายงาน สิ่งสำคัญคือการเริ่มต้นด้วยใจเปิด ความอดทน และความเข้าใจว่าการเปลี่ยนแปลงต้องใช้เวลา แต่ผลลัพธ์ที่ได้รับจะคุ้มค่าทั้งสำหรับตัวผู้จัดการเอง ทีมงาน และองค์กรโดยรวม

เมื่อผู้จัดการเรียนรู้ที่จะ “ปล่อยวาง” พวกเขาจะค้นพบว่าตนเองได้รับอะไรกลับมามากกว่าที่คิด – ไม่เพียงแต่เวลาและพลังงาน แต่ยังรวมถึงทีมที่แข็งแกร่ง ความสามารถในการแข่งขันที่ดีขึ้น และความสมดุลในชีวิตการทำงานที่ยั่งยืน