เปิดใจ “มหาเศรษฐี” ใส่ใจ “ความรู้สึก” มากกว่า “จุดหมาย” ใช้จ่าย 30% เหนือระดับก่อนโควิด

100 ล้าน วัยรุ่นสร้างตัว News ข่าวล่าสุด

แม้เศรษฐกิจโลกจะเผชิญกับความผันผวนและการใช้จ่ายด้านการท่องเที่ยวของประชาชนทั่วไปลดลง แต่กลุ่มผู้มีฐานะร่ำรวยกลับยังคงเดินทางท่องเที่ยวอย่างไม่ลดละ สิ่งที่น่าสนใจคือพฤติกรรมการเดินทางของพวกเขาได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างชัดเจน จากการเน้นจุดหมายปลายทางมาเป็นการแสวงหาประสบการณ์และความรู้สึกที่แท้จริง

กลุ่มคนรวยยังคงใช้จ่ายอย่างต่อเนื่อง ขณะที่คนทั่วไปลดงบ

รายงานล่าสุดจาก Luxury Travel Intelligence เผยให้เห็นภาพที่ชัดเจนของตลาดการท่องเที่ยวระดับไฮเอนด์ในช่วงหลังโควิด-19 กลุ่มผู้มีมูลค่าสินทรัพย์สูง (High Net Worth Individuals: HNWIs) ยังคงมีการใช้จ่ายสำหรับการท่องเที่ยวสูงกว่าช่วงก่อนการระบาดถึง 30% ขณะที่นักท่องเที่ยวทั่วไปกำลังตัดลดงบประมาณในหมวดนี้ลง

ตัวเลขดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงความแตกต่างอย่างสิ้นเชิงระหว่างกลุ่มผู้มีรายได้สูงกับประชาชนทั่วไป ในขณะที่คนกลุ่มหลังต้องปรับลดการใช้จ่ายเพื่อรับมือกับสภาวะเศรษฐกิจที่ท้าทาย กลุ่มแรกกลับมีความมั่นคงทางการเงินเพียงพอที่จะดำเนินไลฟ์สไตล์การเดินทางในระดับเดิม หรือแม้กระทั่งเพิ่มขึ้น

เปลี่ยนจาก “ไปที่ไหน” เป็น “รู้สึกอย่างไร”

Tom Marchant ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทท่องเที่ยวหรู Black Tomato ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้เชี่ยวชาญด้านการวางแผนการเดินทางสำหรับกลุ่มผู้มีฐานะ ได้เปิดเผยเทรนด์ที่น่าสนใจของลูกค้ากลุ่มนี้ บริษัทของเขาเชี่ยวชาญในการวางแผนการเดินทางเฉพาะบุคคลไปทั่วโลก โดยมีราคาเฉลี่ยต่อทริปอยู่ที่ประมาณ 1,320,000 บาท และมีตั้งแต่ 330,000 บาท ไปจนถึงหลายล้านบาท

สิ่งที่โดดเด่นที่สุดจากการสังเกตพฤติกรรมลูกค้าคือ การเปลี่ยนแปลงในการตั้งคำถาม ลูกค้าของ Black Tomato มักจะพูดว่า “ผมไม่ได้สนใจว่าจะไปที่ไหน แต่สนใจว่าผมจะรู้สึกอย่างไรมากกว่า” คำพูดนี้สะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจนในแนวคิดการท่องเที่ยวของกลุ่มผู้มีฐานะ

เทรนด์นี้ได้ผลักดันให้ Black Tomato พัฒนานวัตกรรมใหม่ในรูปแบบของ “Feelings Engine” ซึ่งเป็นระบบที่ใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ช่วยผู้ใช้วางแผนการเดินทางตามความรู้สึกที่ต้องการ ไม่ว่าจะเป็นความรู้สึกผ่อนคลาย ท้าทาย อิสระ หรือมีแรงบันดาลใจ ระบบนี้จะวิเคราะห์และแนะนำจุดหมายปลายทางและกิจกรรมที่สอดคล้องกับอารมณ์และประสบการณ์ที่ลูกค้าปรารถนา

เทรนด์ที่ 1: ประสบการณ์ที่ต้อง “หาได้ยาก” ไม่ใช่แค่จ่ายเงิน

การแสวงหาความท้าทายแทนความสะดวกสบาย

หนึ่งในเทรนด์ที่โดดเด่นที่สุดในกลุ่มนักท่องเที่ยวระดับไฮเอนด์คือ การเปลี่ยนจากการแสวงหาความสะดวกสบายมาเป็นการแสวงหาประสบการณ์ที่ท้าทาย Black Tomato ได้สังเกตเห็นการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องของนักท่องเที่ยวที่ต้องการประสบการณ์ที่ “ได้มา” จากการลงแรงและความพยายาม มากกว่าแค่การจ่ายเงิน

Marchant อธิบายว่า “มีความต้องการที่จะท้าทายตัวเอง ไม่ว่าจะผ่านการเดินป่า การเดินทางไกล หรือการไปยังส่วนต่าง ๆ ของโลกที่คุณจะถูกล้อมรอบด้วยสิ่งเร้าทางวัฒนธรรม” ทริปประเภทนี้มักถูกมองว่าเป็นยาแก้พิษสำหรับความเป็นจริงของชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะในยุคที่ทุกอย่างมีให้แค่คลิกเดียว

กิจกรรมท้าทายที่ได้รับความนิยม

ทริปแนวนี้กำลังเป็นที่นิยมสำหรับนักท่องเที่ยวทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นนักท่องเที่ยวคนเดียว คู่รัก หรือครอบครัวที่ต้องการออกจากโซนความสบาย ตัวอย่างที่น่าสนใจคือ บริษัทจัดทริป “Get Lost” ที่ลูกค้าจะถูกปล่อยไว้ในจุดหมายปลายทางห่างไกล พร้อมอุปกรณ์เพื่อนำทางกลับสู่อารยธรรมในช่วงเวลาหลายวัน

ประสบการณ์อื่น ๆ ที่บริษัทวางแผนให้กับลูกค้าได้แก่ การล่องแพในปาปัวนิวกินี ซึ่งนักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสกับป่าดิบเขตร้อนที่ยังคงความดิบและธรรมชาติ การเดินเขาในญี่ปุ่น ที่ผสมผสานระหว่างการออกกำลังกายและการสัมผัสวัฒนธรรมญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม หรือการขับรถคว้างบนทะเลเกลือในบอตสวานา ที่ให้ประสบการณ์การขับขี่ในพื้นที่ที่เหมือนดาวเคราะห์ดวงอื่น

ปรัชญาการท่องเที่ยวแบบใหม่

เทรนด์นี้สะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงในปรัชญาการท่องเที่ยว จากการมองว่าการเดินทางเป็นการหย่อนใจหรือการแสดงสถานะทางสังคม มาเป็นการมองว่าเป็นโอกาสในการพัฒนาตนเองและทดสอบขีดจำกัด กลุ่มผู้มีฐานะเหล่านี้ต้องการพิสูจน์ให้ตัวเองเห็นว่าพวกเขายังคงมีความสามารถในการเอาชนะอุปสรรคและความท้าทาย ไม่ใช่แค่พึ่งพาความสะดวกสบายที่เงินสามารถซื้อได้

นอกจากนี้ การแสวงหาประสบการณ์ที่ต้องใช้ความพยายามยังช่วยสร้างความรู้สึกของความสำเร็จที่แท้จริง เมื่อเทียบกับความพึงพอใจชั่วคราวที่ได้จากการซื้อสินค้าหรือบริการที่หรูหรา ประสบการณ์เหล่านี้กลายเป็นเรื่องราวที่มีความหมายและความทรงจำที่ติดตัวไปตลอดชีวิต

เทรนด์ที่ 2: แสวงหาความเงียบสงบ หนีจากเสียงรบกวนยุคดิจิทัล

ปรากฏการณ์ “Digital Detox” ในกลุ่มผู้มีฐานะ

สำหรับนักท่องเที่ยวที่มีฐานะร่ำรวยหลายคน เป้าหมายหลักของการไปพักผ่อนคือการหนีจากเสียงรบกวนของชีวิตประจำวัน ขณะที่พวกเขาไม่จำเป็นต้องการอยู่นอกกริดโดยสิ้นเชิง แต่ต้องการอยู่ในที่ที่มีเสียงรบกวนหรือมลพิษทางเสียงน้อยที่สุด

Marchant สังเกตว่า “เราเห็นคนจำนวนมากขึ้นที่มองหาสถานที่ที่มีความเงียบแท้จริง ที่ที่พวกเขาสามารถไปนั่งสะท้อนความคิดหรือแค่รู้สึก” การแสวงหาความเงียบสงบนี้ไม่ใช่เพียงแค่การหลีกหนีจากเสียงรบกวนทางกายภาพ แต่รวมถึงการหลีกหนีจากการกระตุ้นทางจิตใจที่มากเกินไปในยุคดิจิทัล

อุทยานความเงียบและการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์

มีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นของการอนุรักษ์สถานที่เงียบสงบและนักท่องเที่ยวที่แสวงหา “อุทยานที่เงียบสงบ” (Quiet Parks) สถานที่เหล่านี้ให้โอกาสในการสัมผัสความเงียบสงบโดยเปรียบเทียบ หรือมีเพียงเสียงจากโลกธรรมชาติเท่านั้น อุทยานเหล่านี้ได้รับการคุ้มครองพิเศษเพื่อรักษาสภาพแวดล้อมทางเสียงที่เป็นธรรมชาติ

การอนุรักษ์พื้นที่เงียบสงบเหล่านี้ไม่เพียงแต่เป็นประโยชน์ต่อนักท่องเที่ยว แต่ยังมีผลดีต่อระบบนิเวศและสัตว์ป่าที่ต้องการสภาพแวดล้อมที่เงียบสงบสำหรับการดำรงชีวิตและการสืบพันธุ์ นักท่องเที่ยวกลุ่มนี้จึงกลายเป็นส่วนหนึ่งของการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมผ่านการเลือกจุดหมายปลายทางที่ยั่งยืน

“สัปดาห์แห่งการอ่าน” เทรนด์ใหม่ของการพักผ่อน

Marchant กล่าวว่าอีกด้านหนึ่งของเทรนด์นี้คือ “สัปดาห์แห่งการอ่าน” ซึ่งนักท่องเที่ยวบอกว่าพวกเขาต้องการไปที่เงียบสงบโดยเฉพาะเพื่อที่จะอ่านและสะท้อนความคิดโดยไม่มีสิ่งรบกวนใด ๆ เขากล่าวว่าทริปการอ่านเป็นที่นิยมโดยเฉพาะกับผู้นำธุรกิจที่รู้สึกว่าพวกเขาแทบไม่มีเวลาในชีวิตประจำวันที่จะเพลิดเพลินกับหนังสือโดยไม่ถูกดึงเข้าไปในงาน

การอ่านในสภาพแวดล้อมที่เงียบสงบไม่เพียงแต่เป็นการพักผ่อนหย่อนใจ แต่ยังเป็นการลงทุนในการพัฒนาตนเอง ผู้นำธุรกิจหลายคนใช้เวลานี้ในการอ่านหนังสือที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการ ปรัชญา หรือการพัฒนาทักษะใหม่ ๆ ที่พวกเขาไม่มีเวลาศึกษาในชีวิตประจำวันที่เร่งรีบ

จิตวิทยาของการแสวงหาความเงียบ

จากมุมมองทางจิตวิทยา การแสวงหาความเงียบสงบสะท้อนให้เห็นถึงความต้องการที่ลึกซึ้งของมนุษย์ในการรีเซ็ตจิตใจ ในโลกที่เต็มไปด้วยข้อมูลข่าวสารและการกระตุ้นอย่างต่อเนื่อง สมองของเราต้องการเวลาในการประมวลผลและจัดระเบียบความคิด

สำหรับกลุ่มผู้มีฐานะที่มักจะต้องตัดสินใจที่สำคัญอยู่เป็นประจำ ความเงียบสงบกลายเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการรักษาสมดุลทางจิตใจและการรักษาประสิทธิภาพในการทำงาน การพักผ่อนในสภาพแวดล้อมที่เงียบสงบช่วยให้พวกเขากลับมามีพลังงานและความคิดสร้างสรรค์ในการทำงาน

เทรนด์ที่ 3: เป็นพยานปรากฏการณ์ธรรมชาติ ล่าประสบการณ์หายาก

การเดินทางตามปฏิทินธรรมชาติ

การเดินทางเพื่อชมปรากฏการณ์ทางธรรมชาติเป็นอีกเทรนด์สำคัญในกลุ่มลูกค้าของ Black Tomato โดยบริษัทวางแผนทริปมากขึ้นเรื่อย ๆ รอบเหตุการณ์ธรรมชาติที่อาจเป็นโอกาสครั้งเดียวในชีวิตที่จะได้เห็น เมื่อหลายปีก่อน บริษัทได้สร้างแคมป์เฉพาะตัวในภูเขาของพาตาโกเนียเพื่อให้ลูกค้าได้เห็นสุริยุปราคาเต็มดวงอย่างหรูหรา

การวางแผนทริปประเภทนี้ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญสูงในด้านดาราศาสตร์ อุตุนิยมวิทยา และวิทยาศาสตร์ธรรมชาติ เพื่อให้มั่นใจว่าลูกค้าจะได้รับประสบการณ์ที่คุ้มค่าที่สุด ทีมงานต้องติดตามพยากรณ์อากาศ คำนวณตำแหน่งดาวเคราะห์ และเตรียมแผนสำรองในกรณีที่สภาพอากาศไม่เอื้ออำนวย

ประสบการณ์ที่เงินซื้อไม่ได้

การเดินทางเพื่อเป็นพยานในปรากฏการณ์ธรรมชาติเช่น สุริยุปราคา แสงเหนือ หรือการอพยพของสัตว์อาจดึงดูดคนรวยเป็นพิเศษเพราะมันเป็นประสบการณ์ที่แตกต่างอย่างมากจากชีวิตประจำวันของพวกเขา Marchant สังเกตว่าลูกค้าส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในเมืองใหญ่ เช่น ลอสแอนเจลิส ดังนั้นการเดินทางไปยังสถานที่ที่มีวิลลาที่สวยงาม สระว่ายน้ำหรู และอากาศดีมีแนวโน้มที่จะดึงดูดพวกเขาน้อยลงเพราะเป็นสิ่งที่พวกเขามีอยู่แล้วที่บ้าน

สิ่งที่น่าสนใจคือ ปรากฏการณ์ธรรมชาติเหล่านี้ไม่สามารถซื้อได้ด้วยเงิน ไม่ว่าคุณจะร่ำรวยแค่ไหน คุณก็ไม่สามารถสั่งให้สุริยุปราคาเกิดขึ้นหรือควบคุมการปรากฏของแสงเหนือได้ ความหายากและความไม่สามารถควบคุมได้นี้เองที่ทำให้ประสบการณ์เหล่านี้มีคุณค่าพิเศษสำหรับกลุ่มคนที่เคยชินกับการที่ทุกอย่างสามารถจัดหาได้ด้วยเงิน

ตัวอย่างปรากฏการณ์ธรรมชาติที่ได้รับความนิยม

แสงเหนือ (Aurora Borealis) ในประเทศนอร์เวย์ ฟินแลนด์ หรือไอซ์แลนด์ เป็นหนึ่งในปรากฏการณ์ที่ได้รับความนิยมสูงสุด ความงามของแสงสีเขียวและสีม่วงที่เต้นระบำบนท้องฟ้ายามค่ำคืนสร้างความประทับใจที่ไม่สามารถลืมได้

การอพยพของสัตว์ในแอฟริกา เช่น การอพยพของม้าลายและสัตว์กีบคู่ในเซเรนเกตี หรือการอพยพของปลาวาฬในน่านน้ำต่าง ๆ ทั่วโลก เป็นอีกประสบการณ์ที่ให้ความรู้สึกเชื่อมต่อกับธรรมชาติอย่างลึกซึ้ง

ปรากฏการณ์ดาราศาสตร์ เช่น ฝนดาวตก สุริยุปราคา หรือการเรียงตัวของดาวเคราะห์ ที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาเฉพาะและมองเห็นได้จากพื้นที่เฉพาะเจาะจง ทำให้นักท่องเที่ยวรู้สึกเหมือนได้เป็นส่วนหนึ่งของเอกภพอันกว้างใหญ่

เทรนด์ที่ 4: การท่องเที่ยวเป็นการบำบัด การค้นหาความหมายของชีวิต

การใช้การเดินทางเป็นเครื่องมือการรักษา

แนวโน้มสุดท้ายในการท่องเที่ยวหรูหราที่ Marchant กล่าวว่าเขากำลังเห็นคือ “การใช้การท่องเที่ยวเป็นคำตอบสำหรับความท้าทายบางอย่างในชีวิต” นักท่องเที่ยวมองการเดินทางของพวกเขาเป็นวิธีในการถอยหลังและประเมินใหม่ด้านต่าง ๆ ของชีวิตพวกเขามากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นงาน ครอบครัว ความสัมพันธ์ทางโรแมนติก หรือสุขภาพของพวกเขา

Marchant อธิบายว่า “เมื่อคุณถูกพาออกจากชีวิตประจำวัน ที่คุณจมอยู่กับทุกอย่าง มันให้เวลาคุณที่จะคิดเกี่ยวกับสิ่งต่าง ๆ และได้มุมมอง” การเดินทางในลักษณะนี้กลายเป็นเหมือนการบำบัดแบบเข้มข้น ที่ผู้เข้าร่วมสามารถมองเห็นปัญหาและความท้าทายในชีวิตจากมุมมองใหม่

การเดินทางไปยัง Blue Zones

ทริปประเภทนี้อาจพาลูกค้าไปยังสถานที่ที่พวกเขาสามารถจมดิ่งในชุมชนที่มีมุมมองที่แตกต่างหรือน่าสนใจเกี่ยวกับพื้นฐานของชีวิต ตัวอย่างหนึ่งที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นคือการเดินทางไปยัง Blue Zones สถานที่ที่ประชากรท้องถิ่นมีแนวโน้มที่จะมีอายุยืนยาว

Blue Zones ได้แก่ เกาะซาร์ดิเนียในอิตาลี โอกินาว่าในญี่ปุ่น คาบสมุทรนิโคยาในคอสตาริกา เกาะอิคาเรียในกรีซ และโลมาลินดาในแคลิฟอร์เนีย สถานที่เหล่านี้เป็นที่รู้จักจากการมีประชากรที่มีอายุยืนและมีสุขภาพดีผิดปกติ

นักท่องเที่ยวที่ไปยัง Blue Zones จะได้เรียนรู้เกี่ยวกับไลฟ์สไตล์ อาหารการกิน และปรัชญาชีวิตของชาวท้องถิ่น ที่อาจช่วยให้พวกเขาทบทวนวิธีการดำเนินชีวิตของตัวเอง หลายคนกลับมาพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงในการรับประทานอาหาร การออกกำลังกาย และการจัดการความเครียด

การเพิ่มขึ้นของ Wellness Retreats และ Psychedelic Tourism

เทรนด์การท่องเที่ยวเป็นการบำบัดยังสอดคล้องกับการเพิ่มขึ้นของการเข้าค่ายเพื่อการพัฒนาตนเอง (Wellness Retreats) หรือการเข้าค่ายที่ใช้สารกระตุ้นประสาท (Psychedelic Retreats) ซึ่งได้รับความนิยมมากขึ้น โดยเฉพาะกับผู้นำธุรกิจที่ต้องการมองหาวิธีใหม่ ๆ ในการจัดการกับความเครียดและการพัฒนาศักยภาพของตัวเอง

Wellness Retreats มักจะรวมกิจกรรมต่าง ๆ เช่น โยคะ การทำสมาธิ การนวดแบบดั้งเดิม การรักษาด้วยธรรมชาติ และการปรึกษาด้านโภชนาการ ในขณะที่ Psychedelic Retreats ที่ถูกกฎหมายในบางประเทศ เช่น ประเทศเนเธอร์แลนด์หรือบางรัฐในสหรัฐอมริกา มักจะมีการใช้สารธรรมชาติ เช่น psilocybin หรือ ayahuasca ภายใต้การดูแลของผู้เชี่ยวชาญ

การบำบัดผ่านการเผชิญหน้ากับวัฒนธรรมที่แตกต่าง

อีกรูปแบบหนึ่งของการท่องเที่ยวเพื่อการบำบัดคือการเดินทางไปยังชุมชนที่มีวัฒนธรรมและวิถีชีวิตที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิงจากสิ่งที่นักท่องเที่ยวคุ้นเคย การเข้าไปอยู่ร่วมกับชาวเผ่าในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ การเรียนรู้วิถีชีวิตของชาวมาไซในแอฟริกา หรือการใช้ชีวิตร่วมกับชาวเร่ร่อนในมองโกเลีย

ประสบการณ์เหล่านี้บังคับให้นักท่องเที่ยวออกจากโซนความสบายและเผชิญหน้ากับคำถามพื้นฐานเกี่ยวกับค่านิยม ความสุข และความหมายของความสำเร็จ หลายคนพบว่าสิ่งที่พวกเขาคิดว่าสำคัญที่สุดในชีวิตอาจไม่ใช่สิ่งที่แท้จริงแล้วทำให้พวกเขามีความสุข

สาเหตุเบื้องลึกของการเปลี่ยนแปลง

ความอิ่มตัวของวัตถุนิยม

Marchant วิเคราะห์ว่าเขาคิดว่าทรัพยากรที่มีให้กับลูกค้าที่มีฐานะและโลกที่เชื่อมต่อกันทำให้พวกเขาปรารถนาการตัดการเชื่อมต่อมากขึ้น เมื่อคุณสามารถซื้อสิ่งใดก็ได้ที่ต้องการ ความพึงพอใจจากการครอบครองวัตถุจะลดลง แต่ประสบการณ์และความรู้สึกกลับมีค่ามากขึ้น

ในโลกที่ทุกอย่างสามารถสั่งซื้อออนไลน์และจัดส่งถึงบ้านได้ภายในวันเดียว ความหายากและความไม่สะดวกกลับกลายเป็นสิ่งที่มีคุณค่า การต้องลงแรงและใช้เวลาเพื่อให้ได้มาซึ่งประสบการณ์บางอย่างทำให้ประสบการณ์นั้นมีความหมายมากขึ้น

ผลกระทบของเทคโนโลยีต่อการใช้ชีวิต

การเชื่อมต่อแบบ 24/7 ที่เทคโนโลยีสมัยใหม่นำมาให้ ทำให้หลายคนรู้สึกเหนื่อยหน่ายและต้องการหาช่วงเวลาที่สามารถ “ออฟไลน์” ได้อย่างแท้จริง สำหรับผู้นำธุรกิจและผู้ที่มีฐานะ ซึ่งมักจะต้องตอบสนองต่อข้อมูลข่าวสารและการสื่อสารอย่างต่อเนื่อง การได้หยุดพักจากเทคโนโลยีกลายเป็นความฟุ่มเฟือยที่แท้จริง

การเดินทางไปยังสถานที่ที่มีสัญญาณอินเทอร์เน็ตจำกัดหรือไม่มีเลย ทำให้พวกเขาสามารถมีสมาธิกับตัวเองและสิ่งรอบข้างอย่างที่ไม่เคยทำมานาน การขาดการเชื่อมต่อนี้เองที่ทำให้พวกเขาสามารถเชื่อมต่อกับตัวเองและธรรมชาติได้อย่างลึกซึ้ง

อนาคตของการท่องเที่ยวหรูหรา

การขยายตัวของตลาดการท่องเที่ยวเชิงประสบการณ์

เทรนด์เหล่านี้ชี้ให้เห็นถึงทิศทางของอนาคตของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวหรูหรา ที่จะเน้นไปที่การสร้างประสบการณ์ที่มีความหมายมากกว่าการให้บริการที่หรูหราแบบดั้งเดิม บริษัทต่าง ๆ จะต้องปรับตัวเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่ต้องการมากกว่าแค่ความสะดวกสบายและการบริการที่ดี

การลงทุนในการพัฒนาประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใคร การสร้างความสัมพันธ์กับชุมชนท้องถิ่น และการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมจะกลายเป็นปัจจัยสำคัญในการแข่งขันในตลาดนี้ บริษัทที่สามารถสร้างประสบการณ์ที่เปลี่ยนแปลงชีวิตของลูกค้าได้จะเป็นผู้ชนะในอนาคต

ความยั่งยืนและความรับผิดชอบต่อสังคม

นักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ยังมีความตระหนักรู้เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับผลกระทบของการเดินทางต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชนท้องถิ่น พวกเขาต้องการให้การเดินทางของตนเองสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อจุดหมายปลายทางที่พวกเขาไปเยือน

การท่องเที่ยวแบบรับผิดชอบจึงกลายเป็นส่วนสำคัญของการตัดสินใจ นักท่องเที่ยวต้องการทราบว่าเงินที่พวกเขาจ่ายไปส่วนใดบ้างที่ไปสนับสนุนการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม การพัฒนาชุมชนท้องถิ่น หรือการสร้างงานที่ยั่งยืน

การใช้เทคโนโลยีเพื่อสร้างประสบการณ์ที่เป็นส่วนตัว

แม้ว่านักท่องเที่ยวจะต้องการตัดการเชื่อมต่อจากเทคโนโลยีในระหว่างการเดินทาง แต่พวกเขายังคงต้องการให้เทคโนโลยีช่วยในการวางแผนและปรับแต่งประสบการณ์ให้ตรงกับความต้องการของพวกเขา

การใช้ AI และการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อทำความเข้าใจความชอบและพฤติกรรมของลูกค้าแต่ละคนจะช่วยให้สามารถสร้างการเดินทางที่มีความเป็นส่วนตัวสูง ระบบเช่น “Feelings Engine” ของ Black Tomato เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการใช้เทคโนโลยีเพื่อสร้างประสบการณ์การท่องเที่ยวที่ตรงกับความต้องการทางอารมณ์และจิตใจ

ความท้าทายและโอกาสสำหรับผู้ประกอบการ

การสร้างประสบการณ์ที่แท้จริงในยุคของการปลอมแปลง

หนึ่งในความท้าทายหลักสำหรับผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมนี้คือการสร้างประสบการณ์ที่แท้จริงและมีความหมาย ในยุคที่ทุกอย่างสามารถจำลองหรือสร้างขึ้นมาได้ นักท่องเที่ยวกลุ่มนี้มีความเชี่ยวชาญในการแยกแยะระหว่างประสบการณ์ที่แท้จริงกับสิ่งที่เป็นเพียงการแสดง

การสร้างความน่าเชื่อถือและความโปร่งใสในการนำเสนอประสบการณ์จึงเป็นสิ่งสำคัญ ลูกค้าต้องการรู้ว่าสิ่งที่พวกเขาจะได้รับเป็นประสบการณ์ที่แท้จริงและไม่ใช่สิ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะ

การรักษาสมดุลระหว่างความเป็นพิเศษและการเข้าถึงได้

ผู้ประกอบการต้องสร้างสมดุลระหว่างการทำให้ประสบการณ์เป็นพิเศษและหายาก กับการทำให้เข้าถึงได้สำหรับลูกค้าเป้าหมาย หากทำให้หายากเกินไป อาจทำให้ไม่สามารถสร้างรายได้ที่เพียงพอได้ แต่หากทำให้เข้าถึงได้ง่ายเกินไป ก็อาจทำให้สูญเสียความเป็นพิเศษที่เป็นจุดขายหลัก

การจัดการจำนวนลูกค้าในแต่ละทริปและการสร้างประสบการณ์ที่แตกต่างกันในแต่ละครั้งจึงเป็นสิ่งสำคัญ บางประสบการณ์อาจเหมาะสำหรับกลุ่มเล็ก ๆ เพียง 2-4 คน ในขณะที่บางประสบการณ์อาจรองรับได้มากขึ้น

บทสรุป: การเปลี่ยนแปลงที่กำลังเกิดขึ้นในวงการท่องเที่ยวหรูหรา

จากการแสดงสถานะสู่การแสวงหาความหมาย

การเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมการท่องเที่ยวของกลุ่มผู้มีฐานะสะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงที่ลึกซึ้งกว่าในสังคมสมัยใหม่ จากการมองการท่องเที่ยวเป็นการแสดงสถานะทางสังคมหรือการสะสมประสบการณ์เพื่อความภาคภูมิใจ มาเป็นการมองว่าเป็นเครื่องมือสำหรับการพัฒนาตนเองและการค้นหาความหมายของชีวิต

การเปลี่ยนแปลงนี้อาจเป็นผลมาจากการที่กลุ่มคนเหล่านี้ได้ประสบความสำเร็จในด้านการงานและการเงินแล้ว และกำลังมองหาสิ่งที่มีความหมายกว่าความสำเร็จทางวัตถุ พวกเขาต้องการประสบการณ์ที่ช่วยให้เข้าใจตัวเองและโลกรอบข้างได้ดีขึ้น

อิทธิพลต่อการท่องเที่ยวโดยรวม

แม้ว่าเทรนด์เหล่านี้จะเริ่มต้นจากกลุ่มผู้มีฐานะร่ำรวย แต่มีแนวโน้มที่จะแพร่กระจายไปสู่กลุ่มนักท่องเที่ยวทั่วไปเช่นเดียวกับเทรนด์อื่น ๆ ในอดีต เราอาจเห็นการเพิ่มขึ้นของการท่องเที่ยวเชิงประสบการณ์ การท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพจิต และการท่องเที่ยวที่เน้นความยั่งยืนในกลุ่มผู้บริโภคทั่วไปในอนาคต

การเปลี่ยนแปลงนี้อาจส่งผลดีต่อการพัฒนาการท่องเที่ยวในประเทศต่าง ๆ รวมทั้งประเทศไทย โดยเฉพาะการท่องเที่ยวในพื้นที่ห่างไกลและชุมชนท้องถิ่นที่มีวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์

ข้อเสนอแนะสำหรับผู้ประกอบการไทย

สำหรับผู้ประกอบการการท่องเที่ยวในประเทศไทย เทรนด์เหล่านี้เปิดโอกาสใหม่ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์การท่องเที่ยวที่ไม่เหมือนใคร ประเทศไทยมีความหลากหลายทางธรรมชาติ วัฒนธรรม และประเพณีที่สามารถนำมาพัฒนาเป็นประสบการณ์ที่ตอบสนองความต้องการของกลุ่มนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ได้

ตัวอย่างเช่น การพัฒนาโปรแกรมการใช้ชีวิตร่วมกับชุมชนท้องถิ่นในพื้นที่ห่างไกล การสร้างประสบการณ์การปฏิบัติธรรมในวัดที่เงียบสงบ หรือการจัดกิจกรรมชมปรากฏการณ์ธรรมชาติในเขตอุทยานแห่งชาติ

ความสำคัญของการศึกษาและการเตรียมตัว

ผู้ประกอบการที่ต้องการเข้าสู่ตลาดนี้จำเป็นต้องมีความเข้าใจลึกซึ้งเกี่ยวกับจิตวิทยาและความต้องการของลูกค้ากลุ่มนี้ การลงทุนในการศึกษาและการฝึกอบรมบุคลากรให้มีความเชี่ยวชาญในการสร้างประสบการณ์ที่มีคุณภาพสูงจึงเป็นสิ่งจำเป็น

นอกจากนี้ การสร้างเครือข่ายความร่วมมือกับผู้เชี่ยวชาญในสาขาต่าง ๆ เช่น นักจิตวิทยา ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิต หรือนักธรรมชาติวิทยา จะช่วยให้สามารถสร้างประสบการณ์ที่มีคุณภาพและความปลอดภัยสูง

Marchant ได้สรุปไว้อย่างน่าสนใจว่า “ยังมีพื้นที่กว้างใหญ่ในโลกอีกมากที่คุณสามารถทำเช่นนั้นได้” การเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมการท่องเที่ยวของกลุ่มผู้มีฐานะนี้เปิดโอกาสให้กับผู้ประกอบการที่มีวิสัยทัศน์ในการสร้างประสบการณ์การท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ที่ตอบสนองความต้องการที่เปลี่ยนไปของนักท่องเที่ยวยุคใหม่

การเข้าใจและการตอบสนองต่อเทรนด์เหล่านี้อย่างเหมาะสมจะเป็นกุญแจสำคัญต่อความสำเร็จในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวหรูหราในอนาคต ที่จะเน้นไปที่การสร้างคุณค่าที่แท้จริงและประสบการณ์ที่เปลี่ยนแปลงชีวิตมากกว่าการให้บริการที่หรูหราเพียงอย่างเดียว