อุตสาหกรรมร้านอาหารไทยกำลังเผชิญหน้ากับการแข่งขันที่ดุเดือดกว่าที่เคย ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภคและเทคโนโลยีที่พัฒนาอย่างรวดเร็ว คุณเอกลักษณ์ วิริยะโกวิทยา COO แห่ง LINE MAN Wongnai ได้แชร์สถิติและแนวโน้มล่าสุดที่ไม่ควรพลาด
สถิติที่ต้องตกใจ: ร้านอาหารครึ่งหนึ่งปิดตัวภายในปีแรก
ข้อเท็จจริงที่น่าตกใจที่สุดของอุตสาหกรรมอาหารในปัจจุบันคือ ร้านอาหารเปิดใหม่ถึง 50% จะต้องปิดตัวลงภายในปีแรกของการดำเนินการ ตัวเลขนี้เป็นการยืนยันว่าอัตราความล้มเหลวยังคงอยู่ในระดับสูงเช่นเดียวกับปีที่ผ่านมา สะท้อนให้เห็นถึงความท้าทายที่รุนแรงในการดำเนินธุรกิจร้านอาหาร
การวิเคราะห์เชิงลึกพบว่า ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ร้านอาหารล้มเหลวส่วนใหญ่เกิดจากการไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป การขาดการวางแผนทางการเงินที่เหมาะสม และการไม่เข้าใจตลาดเป้าหมายอย่างถ่องแท้ ดังนั้น หลักการพื้นฐานคือ “ใครไม่ปรับตัว ก็อยู่ไม่รอด” ได้กลายเป็นกฎเหล็กของอุตสาหกรรมนี้
ทำเลห้างสรรพสินค้า: โอกาสรอดสูงกว่า 22%
การวิเคราะห์ข้อมูลเผยให้เห็นว่า ร้านอาหารที่ตั้งอยู่ในห้างสรรพสินค้ามีอัตราการอยู่รอดสูงกว่าร้านที่ตั้งอยู่นอกห้างถึง 22% ซึ่งเป็นแนวโน้มที่ต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 3 แล้ว ปรากฏการณ์นี้เกิดจากหลายปัจจัย ได้แก่ การมีลูกค้าประจำที่มาเดินห้าง ระบบการจัดการที่เป็นมาตรฐาน และการได้รับการสนับสนุนจากกิจกรรมการตลาดของห้างสรรพสินค้า
การเปรียบเทียบนี้แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของ “การยืนบนไหล่ยักษ์” ซึ่งหมายถึงการใช้ประโยชน์จากระบบนิเวศที่มีอยู่แล้วแทนการเริ่มต้นทุกอย่างด้วยตนเอง ร้านอาหารในห้างสรรพสินค้าได้ประโยชน์จากการมีกลุ่มลูกค้าที่หลากหลาย ระบบรักษาความปลอดภัย และโครงสร้างพื้นฐานที่พร้อมใช้งาน
ยุคเปลี่ยนผ่าน: หน้าร้านลดลง เดลิเวอรีโตแรง
การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญที่สุดในปี 2025 คือการปรับเปลี่ยนช่องทางการขายของธุรกิจร้านอาหาร ข้อมูลแสดงให้เห็นว่ายอดขายหน้าร้านมีแนวโน้มลดลง 14% เมื่อเทียบกับปีก่อน ในขณะที่ยอดขายผ่านระบบเดลิเวอรีกลับมีการเติบโตอย่างแรง โดย LINE MAN มีอัตราการเติบโตมากกว่า 15%
การเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ได้เกิดขึ้นในชั่วข้ามคืน แต่เป็นผลจากการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้บริโภคที่ต้องการความสะดวกสบายมากขึ้น การประหยัดเวลา และความปลอดภัยในการรับประทานอาหาร ผู้ประกอบการที่สามารถปรับตัวและมีระบบรองรับการขายหลากหลายช่องทางจะมีโอกาสอยู่รอดและเติบโตได้มากกว่า
ร้านอาหารที่ยังไม่มีบริการเดลิเวอรีจึงเสี่ยงที่จะสูญเสียโอกาสทางธุรกิจส่วนสำคัญไป การมีระบบหลังบ้านที่รองรับการขายผ่านหลายช่องทางกลายเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการอยู่รอดในตลาดปัจจุบัน
พฤติกรรมลูกค้าบนแอปพลิเคชัน: เปิดหาส่วนลด 88%
การศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภคบนแอปพลิเคชัน LINE MAN เผยข้อมูลที่น่าสนใจว่า ลูกค้ากว่า 88% เปิดแอปพลิเคชันเพื่อมองหาส่วนลดค่าอาหารเป็นอันดับแรก ตามมาด้วยการหาค่าส่งที่ถูก และโปรโมชันเซตเมนูพิเศษ
ข้อมูลนี้ชี้ให้เห็นอย่างชัดเจนว่า “โปรโมชัน” เป็นปัจจัยหลักในการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภค ซึ่งสอดคล้องกับสถิติที่แสดงว่ามากกว่า 51% ของออเดอร์บน LINE MAN มีโปรโมชันอยู่เบื้องหลัง การทำความเข้าใจพฤติกรรมนี้จึงเป็นกุญแจสำคัญในการวางกลยุทธ์การตลาดที่มีประสิทธิภาพ
ผู้ประกอบการจึงควรพิจารณาการออกแบบโปรโมชันที่น่าสนใจและสามารถดึงดูดความสนใจของลูกค้าได้ อย่างไรก็ตาม การทำโปรโมชันจำเป็นต้องคำนึงถึงความสมดุลระหว่างการดึงดูดลูกค้าและการรักษาอัตรากำไรที่เหมาะสม
เมนูยอดฮิต: หม่าล่านำโด่ง โตพุ่ง 60%
การวิเคราะห์เทรนด์อาหารยอดนิยมในปี 2025 พบว่าเมนูหม่าล่าขึ้นอันดับหนึ่งด้วยอัตราการเติบโต 60% ตามมาด้วยหมี่ไก่ฉีกที่เติบโต 58% สุกี้เติบโต 51% ผัดไทเติบโต 34% และขนมปังเติบโต 28%
สิ่งที่น่าตกใจที่สุดคือปรากฏการณ์ของ “ชิโอปัง” ที่มีอัตราการเติบโตทะลุ 130 เท่าภายในเวลาเพียง 1 ปี แสดงให้เห็นถึงพลังของเทรนด์อาหารที่สามารถเปลี่ยนแปลงตลาดได้อย่างรวดเร็ว
การติดตามเทรนด์อาหารและการปรับเมนูให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดเป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้ประกอบการ อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจเพิ่มเมนูใหม่ควรพิจารณาจากความสามารถในการผลิต ต้นทุน และความเหมาะสมกับอัตลักษณ์ของร้าน
ความต้องการของลูกค้า: สั่งง่าย จ่ายลื่น บริการไว
การสำรวจความต้องการของลูกค้าเผยให้เห็นว่า 72% ของลูกค้าต้องการความสะดวกในการสั่งอาหาร โดยต้องการให้มีช่องทางการสั่งซื้อที่ครบครัน ทั้งการสั่งหน้าร้านและการเดลิเวอรี
ความต้องการในอันดับที่สองคือระบบการชำระเงินที่ลื่นไหล ซึ่งมี 66% ของลูกค้าต้องการให้ร้านรับชำระเงินได้ครบทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น QR Code บัตรเดบิต บัตรเครดิต หรือ e-Wallet ต่างๆ
การให้บริการที่รวดเร็วเป็นความต้องการในอันดับที่สาม โดยมี 60% ของลูกค้าให้ความสำคัญกับความเร็วในการรับออเดอร์ การเสิร์ฟอาหาร และการชำระเงิน นอกจากนี้ 43% ต้องการระบบจัดการคิวที่มีประสิทธิภาพ และ 36% สนใจระบบสั่งอาหารด้วยตนเองผ่านการสแกน
ความต้องการของผู้ประกอบการ: ระบบจัดการที่รวดเร็วและปลอดภัย
จากมุมมองของผู้ประกอบการ การสำรวจเผยให้เห็นว่า 69% ต้องการระบบ Payment Solution ที่สามารถจัดการได้อย่างรวดเร็ว โดยเมื่อลูกค้าชำระเงินแล้วระบบจะปิดรายการให้ทันที
ความปลอดภัยเป็นความต้องการในอันดับที่สอง โดยมี 63% ของผู้ประกอบการต้องการระบบที่ช่วยป้องกันสลิปปลอม ตามมาด้วยการลดข้อผิดพลาดที่ 59% การเพิ่มความสะดวกให้กับลูกค้าที่ 45% และการเชื่อมต่อข้อมูลกับระบบ POS โดยตรงที่ 42%
ความต้องการเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของเทคโนโลジีในการดำเนินธุรกิจร้านอาหารสมัยใหม่ ระบบที่ดีไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน แต่ยังช่วยลดความเสี่ยงและสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า
สูตรสำเร็จ 3 ข้อสำหรับร้านอาหารปี 2025
จากการวิเคราะห์ข้อมูลทั้งหมด ผู้เชี่ยวชาญได้สรุปสูตรสำเร็จสำหรับร้านอาหารในปี 2025 ไว้ 3 ข้อหลัก
ข้อแรก: ทำเลดี หมายถึงการเลือกที่ตั้งที่เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นการอยู่ในห้างสรรพสินค้าที่มีลูกค้าประจำ หรือการมีตัวตนบนแพลตฟอร์มเดลิเวอรีที่มีผู้ใช้งานจำนวนมาก การมี “ทำเลดี” ในยุคดิจิทัลไม่ได้หมายถึงเพียงตำแหน่งทางกายภาพเท่านั้น แต่รวมถึงการมีตัวตนในโลกออนไลน์ด้วย
ข้อที่สอง: โปรเด็ด การมีโปรโมชันที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าอย่างแท้จริง ไม่ใช่การทำโปรโมชันเพื่อทำเท่านั้น แต่ต้องเข้าใจว่าลูกค้าต้องการอะไร ในช่วงเวลาไหน และด้วยวิธีการแบบไหน
ข้อที่สาม: ระบบจ่ายไว การมีระบบชำระเงินที่รวดเร็ว ปลอดภัย และรองรับทุกรูปแบบการชำระเงิน ซึ่งไม่เพียงแต่จะช่วยเพิ่มยอดขายแต่ยังช่วยลดปัญหาการดำเนินงานต่างๆ ด้วย
บทสรุป: ข้อมูลและระบบคือกุญแจสู่ความสำเร็จ
การดำเนินธุรกิจร้านอาหารในปัจจุบันไม่สามารถพึ่งพาเพียงโชคหรือประสบการณ์เพียงอย่างเดียว แต่จำเป็นต้องอาศัย “ข้อมูล” และ “ระบบ” ที่แม่นยำในการตัดสินใจ ผู้ประกอบการที่กำลังเดินช้าจำเป็นต้องปรับตัวโดยเร็ว โดยเฉพาะผู้ประกอบการรุ่นใหม่หรือ SME ที่ต้องการชนะในเกมนี้
การมองข้ามข้อมูลหรือการไม่ใส่ใจกับตัวเลขต่างๆ อาจนำไปสู่ความล้มเหลว เพราะข้อมูลเหล่านี้ไม่ได้บอกเพียงว่า “ลูกค้าอยากกินอะไร” แต่มันบอกเราว่าเราจะ “รอดหรือร่วง” ในตลาดที่แข่งขันอย่างดุเดือดนี้
ดังนั้น ผู้ประกอบการที่ต้องการความสำเร็จจำเป็นต้องให้ความสำคัญกับการศึกษาข้อมูล การปรับปรุงระบบการทำงาน และการตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าอย่างต่อเนื่อง เพียงเท่านี้ โอกาสในการอยู่รอดและเติบโตในอุตสาหกรรมร้านอาหารก็จะเป็นไปได้มากขึ้น
การประชุม Thailand Restaurant Conference 2025 ได้เป็นเวทีสำคัญในการแลกเปลี่ยนข้อมูลและประสบการณ์ที่จะช่วยให้ผู้ประกอบการมีเครื่องมือและความรู้ที่จำเป็นในการนำธุรกิจไปสู่ความสำเร็จในปี 2025 และปีต่อๆ ไป