(29 กันยายน พ.ศ. 2563) รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร อดีตรองอธิการบดีฝ่ายบริหารบุคคล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว Harirak Sutabutr ระบุว่า ช่วงนี้ต้องขอพักเรื่องราวเกี่ยวกับการแก้รัฐธรรมนูญไว้ก่อน รอให้การเปลี่ยนแปลงของพรรคเพื่อไทยมีความแน่นอน ใกล้ๆการชุมนุมวันที่ 14 ตุลา จึงค่อยมาวิเคราะห์ประเมินสถานการณ์ กันอีกครั้ง
วันนี้ได้เห็นจดหมายเปิดผนึกของสภานักศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ประณามผู้บริหารมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เกี่ยวกับการชุมนุมเมื่อวันที่ 19 กันยายนที่ผ่านมา มีใจความว่า
การชุมนุมที่มีวัตถุประสงค์เพื่อเรียกร้องอำนาจอธิปไตย กลับคืนสู่มวลชนชาวไทยอย่างแท้จริง (ขณะนี้ ประกาศชัดเจนแล้วว่า ต้องการให้ประเทศไทยเป็น Republic หรือ สาธารณรัฐ) แต่มิได้รับความช่วยเหลือจากผู้บริหารมหาวิทยาลัยเท่าที่ควร เห็นได้จากการปฏิเสธไม่ให้ใช้สถานที่ และยังอนุญาตให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ และฝ่ายความมั่นคง เข้ามาเพ่นพ่านในรั้วมหาวิทยาลัย และกลับปิดประตูมหาวิทยาลัย ทำให้นักศึกษาและผู้ชุมนุมต้องกระเสือกกระสน เข้ามาในรั้วมหาวิทยาลัยด้วยตัวเอง
พฤติกรรมขัดขวางของผู้บริหารมหาวิทยาลัย ไม่เพียงเป็นการผลักไสไล่ส่งให้ผู้ชุมนุมไปเผชิญกับอันตรายเท่านั้น แต่ยังทำให้เกิดอุบัติเหตุอันน่าหดหู่ กับการ์ดของผู้ชุมนุมคนหนึ่งจนถึงขั้นอวัยวะขาดออกจากร่างกาย(ปลายนิ้วก้อย)
ข้อความตอนท้าย เป็นการประณามและเรียกร้องให้มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ แสดงความเสียใจ และรับผิดชอบต่อสิ่งที่เกิดขึ้นโดยเร็วที่สุด
เห็นจดหมายเปิดผนึกฉบับนี้แล้ว ไม่ต้องวิจารณ์อะไรมาก แต่อยากให้กลับไปดูโพสต์ ที่ผมเขียนไว้เกี่ยวกับลัทธิใหม่ที่เกิดขึ้นว่ามีความเชื่อที่ฝังแน่น 17 ประการ กลับไปดูความเชื่อที่ 15 และ 16 ดังนี้
15. คนในลัทธิเดียวกันถือเป็นพวกเดียวกัน คนอื่นๆหากเห็นไม่ตรงกับความเชื่อของลัทธิ ถือว่าเป็นฝ่ายตรงข้ามทั้งหมด ไม่เว้นแม่แต่พ่อ แม่ ปู่ ย่า ตา ยาย และญาติพี่น้อง
16. พวกเดียวกันทำอะไร แม้เป็นสิ่งผิดตามมาตรฐานทั่วไป กลับมองว่าไม่ได้ทำอะไรผิด ฝ่ายตรงข้ามแม้ทำถูกกลับมองว่าผิด
ไม่ว่าจะอธิบายว่าคนรุ่นใหม่ ย่อมมีความคิดและพฤติกรรมที่ต่างจากคนรุ่นเก่าเป็นธรรมดาอย่างไร ปราฏการณ์ที่เกิดขึ้น และกำลังดำเนินต่อไป ตอกย้ำว่า
“ลัทธิปลดแอก” มีจริง.
https://www.facebook.com/harirak.sutabutr/posts/3647830748560787