เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2568 เวลา 10.00 น. ณ ห้องประชุมสภากรุงเทพมหานคร อาคารไอราวัตพัฒนา ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร 2 ดินแดง นายสุรจิตต์ พงษ์สิงห์วิทยา ประธานสภากรุงเทพมหานคร (กทม.) ได้เป็นประธานการประชุมสภากรุงเทพมหานคร สมัยประชุมสามัญ สมัยที่สอง (ครั้งที่ 4) ประจำปี พ.ศ. 2568 โดยมีผู้บริหารกทม. นำโดย นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วยสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) จากทั้ง 50 เขต และข้าราชการกรุงเทพมหานครเข้าร่วมการประชุมอย่างพร้อมเพรียง
การประชุมในวันนี้มีวาระการพิจารณาหลายญัตติที่น่าสนใจ โดยหนึ่งในญัตติสำคัญคือ ญัตติที่เสนอโดยนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ซึ่งขอความเห็นชอบจากสภากรุงเทพมหานครในการผูกพันงบประมาณสำหรับโครงการเช่าที่ดินเพื่อใช้เป็นที่จอดรถเก็บขนมูลฝอย ยานพาหนะต่างๆ รวมถึงการจัดทำศูนย์เรียนรู้สำหรับฝ่ายรักษาความสะอาดและสวนสาธารณะในพื้นที่เขตปทุมวัน
นายชัชชาติได้ชี้แจงต่อที่ประชุมว่า กรุงเทพมหานครมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเช่าพื้นที่ดินของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย ซึ่งตั้งอยู่บริเวณใต้ทางด่วนพิเศษศรีรัช แยกพงษ์พระราม ฝั่งชุมชนบ้านครัวใต้ เพื่อนำมาใช้ประโยชน์สำหรับเป็นพื้นที่จอดรถเก็บขนมูลฝอย ยานพาหนะประเภทต่างๆ ตลอดจนการจัดตั้งศูนย์เรียนรู้ของฝ่ายรักษาความสะอาดและสวนสาธารณะของสำนักงานเขตปทุมวัน โดยพื้นที่ดังกล่าวมีขนาดรวมทั้งสิ้น 1,042 ตารางวา
สำหรับเงื่อนไขการเช่าที่ดินแปลงนี้ กำหนดระยะเวลาเช่าไว้ทั้งสิ้น 3 ปี หรือคิดเป็น 36 เดือน โดยเริ่มตั้งแต่เดือนมิถุนายน พ.ศ. 2568 ไปจนถึงเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2571 ซึ่งรวมระยะเวลาโครงการทั้งหมด 4 ปี (พ.ศ. 2568-2571) โดยวงเงินงบประมาณที่ต้องใช้ตลอดโครงการนี้รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 13,432,603 บาท นายชัชชาติจึงได้ขอความกรุณาให้สภากรุงเทพมหานครพิจารณาให้ความเห็นชอบในโครงการดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม ญัตตินี้ไม่ได้ผ่านการพิจารณาโดยปราศจากข้อซักถามจากสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร โดยนายวิรัช มีนชัยนันท์ สมาชิกสภากรุงเทพมหานครเขตมีนบุรี ได้อภิปรายว่า แม้ตนเองจะเห็นด้วยกับญัตติดังกล่าว แต่ยังมีข้อสงสัยบางประการเกี่ยวกับที่มาของโครงการนี้ โดยได้ตั้งข้อสังเกตว่า ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครเคยเสนอของบประมาณในลักษณะคล้ายคลึงกันมาแล้วในอดีต โดยเฉพาะการขอโอนงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2566 เพื่อนำไปตั้งจ่ายเป็นค่าเช่าที่ดิน รวมทั้งการขอเพิ่มวงเงินโครงการพร้อมขยายระยะเวลาผูกพันโครงการ
นายวิรัชยังได้กล่าวต่อไปว่า “ผมขอเรียนว่า ในครั้งนี้ผู้ว่าฯ เสนอญัตติที่มีชื่อเรื่องต่างกัน ผมเองโดยส่วนตัวพยายามดูเนื้อหาสาระ ข้อบัญญัติงบ โดยเฉพาะของปี 2568 ซึ่งถือว่าโครงการนี้เป็นโครงการใหม่ อ่านชื่อแล้วมีข้อสงสัย 2 ส่วน ว่าเป็นโครงการที่ผ่านงบประมาณปี 68 หรือไม่ แล้วมาขอในเรื่องการที่จะมาผูกพันงบประมาณ” และกล่าวเพิ่มเติมว่า ในการเสนอญัตติต่อสภาฯ ที่ผ่านมาหลายครั้งนั้น มักจะมีการกำหนดรายละเอียดชัดเจนว่าเป็นการขอโอนงบประมาณ แต่ก็ต้องมีการแจ้งให้สภาฯ ทราบอย่างชัดเจน
นายวิรัชยังได้แสดงความกังวลว่า “ผมติดใจเนื้อความของเอกสาร ว่าท่านเปลี่ยนแปลงวิธีการเสนอสภาฯ ใหม่ เป็นอีกรูปแบบหนึ่ง ให้พวกเราไปค้นคว้ากันเอาว่าเป็นโครงการจากไหน จากปีก่อนหน้าๆ หรือไม่เคยมีมาก่อน ดังนั้น การพิจารณาต้องรอบคอบ หากไม่รู้ที่มาที่ไปของแหล่งเงิน อยากให้โครงการนี้เป็นแบบอย่างเพื่อไม่ให้มีความสับสน ผมเองโดยส่วนตัวหนักใจ หากอนุมัติโครงการผูกพันไป แต่เงินไม่มี จะทำอย่างไร” พร้อมกับตั้งคำถามว่า ฝ่ายบริหารจะใช้เงินสำหรับโครงการนี้จากแหล่งใด จะเป็นเงินเหลือจ่าย หรืองบประมาณส่วนใด หรือมีการเปลี่ยนแปลงจากโครงการที่ได้รับการอนุมัติไปแล้วหรือไม่ อย่างไร
นอกจากนี้ นายพีรพล กนกวลัย สมาชิกสภากรุงเทพมหานครเขตพญาไท ได้แสดงความเห็นเพิ่มเติมว่า ในเขตพญาไทของตนก็มีการเช่าที่ดินเพื่อใช้เป็นที่จอดรถเช่นกัน ซึ่งถือเป็นประโยชน์ต่อสาธารณะโดยรวม แต่การทางพิเศษแห่งประเทศไทยเรียกเก็บค่าเช่าในอัตราที่สูงมาก ขณะที่กรุงเทพมหานครสามารถจัดเก็บภาษีจากการทางพิเศษฯ ได้ในจำนวนที่น้อยมาก จึงได้ฝากข้อสังเกตไปยังฝ่ายบริหารว่า กรุงเทพมหานครควรพิจารณาการจัดเก็บภาษีให้มีความสมดุลกับอัตราค่าเช่าที่การทางพิเศษฯ เรียกเก็บจากกรุงเทพมหานครในปัจจุบัน
ในขณะเดียวกัน นายพุทธิพัชร์ ธันยาธรรมนนท์ สมาชิกสภากรุงเทพมหานครเขตยานนาวา ได้สอบถามเพิ่มเติมว่า พื้นที่จอดรถในปัจจุบันที่มีการย้ายมาใช้เป็นการชั่วคราวนั้น มีการเสียค่าเช่าด้วยหรือไม่
ทั้งนี้ นายชัชชาติได้มอบหมายให้ นายจักกพันธุ์ ผิวงาม รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นผู้ชี้แจงรายละเอียดต่อที่ประชุม โดยนายจักกพันธุ์ได้อธิบายว่า ตามหลักการดำเนินงานปกติแล้ว ภายหลังจากที่สำนักงานเขตหรือหน่วยงานใดได้จัดทำโครงการเสร็จสิ้นแล้ว ก็จะดำเนินการขอจัดสรรงบประมาณจากสำนักงบประมาณกรุงเทพมหานคร และหากโครงการนั้นไม่ได้บรรจุอยู่ในข้อบัญญัติงบประมาณ ก็จะใช้วิธีการตามหลักการปกติ นั่นคือการของบประมาณกลางในแต่ละปีงบประมาณ
นอกจากนี้ นายจักกพันธุ์ยังได้ชี้แจงเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันกรุงเทพมหานครได้ดำเนินการจัดเก็บภาษีจากการทางพิเศษแห่งประเทศไทยเป็นประจำทุกปี โดยในปีงบประมาณ 2568 นี้ กรุงเทพมหานครสามารถจัดเก็บภาษีจากการทางพิเศษฯ ได้เป็นจำนวนเงินประมาณ 107 ล้านบาท
รองผู้ว่าฯ ยังได้อธิบายเพิ่มเติมอีกว่า ในอดีตสำนักงานเขตปทุมวันเคยเช่าพื้นที่จากการทางพิเศษแห่งประเทศไทยมาก่อน แต่ภายหลังการทางพิเศษฯ ได้ยกเลิกสัญญาเช่าไป เนื่องจากการบริหารจัดการในบริเวณดังกล่าวไม่เป็นไปตามเงื่อนไขที่ระบุไว้ในสัญญา และตามความเข้าใจของรองผู้ว่าฯ สำนักงานเขตปทุมวันในปัจจุบันมีการจอดรถอยู่สองพื้นที่ คือบริเวณที่กำลังมีการก่อสร้างสำนักงานเขตแห่งใหม่ และอีกแห่งหนึ่งคือศูนย์อ่อนนุช ซึ่งเป็นพื้นที่ที่อยู่ในความดูแลของกรุงเทพมหานครอยู่แล้ว จึงไม่มีการเสียค่าใช้จ่ายในการจอดรถแต่อย่างใด
ภายหลังการอภิปรายและชี้แจงอย่างครบถ้วน ที่ประชุมสภากรุงเทพมหานครได้ดำเนินการลงมติ โดยมีผลการลงคะแนนเป็นเอกฉันท์ให้ความเห็นชอบในการผูกพันงบประมาณสำหรับโครงการเช่าที่ดินเพื่อใช้เป็นที่จอดรถเก็บขนมูลฝอย ยานพาหนะต่างๆ และจัดทำศูนย์เรียนรู้ของฝ่ายรักษาความสะอาดและสวนสาธารณะ ด้วยคะแนนเสียงเห็นด้วย 37 เสียง ไม่เห็นด้วย 0 เสียง และงดออกเสียง 1 เสียง